Translate

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

แนะนำโปรแกรม Excel


แนะนำโปรแกรม Excel

Microsoft Excel เป็นโปรแกรมประเภทสเปรดชีต(spreadsheet)หรือตารางคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เก็บบันทึกข้อมูลในลักษณะต่างๆซึ่งส่วนใหญ่มักเก็บข้อมูลประเภทการคำนวณโดยจะเก็บข้อมูลลงในตารางสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า เซล (Cell)ที่สามารถนำเอาเซลมาอ้างอิงใส่ในสูตร เพื่อให้โปรแกรมคำนวณหาผลลัพธ์จากข้อมูลที่บันทึกไว้ได้


แนะนำหน้าต่างของวินโดว์ Excel



ปุ่ม  เรียกว่า “Office Button” แสดงเมนูที่ใช้จัดการไฟล์ทั่วไป เช่น New, Open, Save as, Print   และ Publish เป็นต้น

Quick Access Toolbar แสดงปุ่มคาสั่งที่ใช้บ่อยๆ โดยค่าเริ่มต้นจะแสดงเครื่องมือ  Save,
Undo ,และ Redo ซึ่งเราสามารถกาหนดเครื่องมือในส่วนนี้เองได้

Title bar แสดงชื่อเวิร์กบุ๊คที่ใช้งานอยู่และชื่อโปรแกรมในที่นี้คือ Microsoft Excel
-Ribbonเป็นกลุ่มคาสั่งที่เก็บเครื่องมือออกเป็นหมวดหมู่โดยแสดงเป็นแท็บแทนที่การเรียกใช้เมนูคาสั่งต่างๆ 
ในเวอร์ชั่นก่อนๆ

Title bar แสดงชื่อเวิร์กบุ๊คที่ใช้งานอยู่และชื่อโปรแกรมในที่นี้คือ Microsoft Excel
-Ribbonเป็นกลุ่มคาสั่งที่เก็บเครื่องมือออกเป็นหมวดหมู่โดยแสดงเป็นแท็บแทนที่การเรียกใช้เมนูคาสั่งต่างๆ
ในเวอร์ชั่นก่อนๆ

Contextual tabs เป็นแท็บพิเศษที่จะแสดงเมื่อใส่ออบเจ็คลงในเวิร์กชีต เช่น เมื่อแทรก WordArt โปรแกรมจะ
แสดง Drawing Tool ด้านบนและมีแท็บ Format ที่ใช้สาหรับตั้งค่า WordArt แสดงอยู่ด้านล่าง
Worksheet เป็นแผ่นงานมีลักษณะเป็นตารางสาหรับพิมพ์ข้อความ หรือตัวเลขโดยค่าที่ตั้งไว้เมื่อเข้าใช้โปรแกรม
จะมี 3 sheet คือ sheet1,sheet2 และsheet3สามารถเพิ่มจำนวนเวิร์กชีตในเวิร์กบุ๊คได้ตามต้องการ
View Shortcuts ใช้ดูมุมมองเอกสาร โดยจะแสดงมุมมองของเอกสารในลักษณะต่างๆ
Zoom และ Zoom Slider เป็นเครื่องมือย่อ-ขยายหน้าจอโดยเลือกขนาดตามเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการย่อ-ขยาย หรือ
เลื่อนสไลเดอร์ที่เครื่องมือ Zoom Slider ตามความต้องการ


การสร้างเวิร์กบุ๊คใหม่




เวิร์กชีต ( Worksheet )   หรือถ้าเป็นโปรแกรมExcelภาษาไทยจะเรีนกว่า แผ่นงาน ในแผ่นงานจะประกอบด้วยช่องตารางสี่เหลี่ยมจำนวนมากซึ่งมีชื่อเรียกดังต่อไปนี้
 Row ( แถว )  คือพื้นที่แถวแนวนอนจากบนลงล่าง ตั้งแต่แถวที่ 1 ไปจนถึง
แถวที่ 65536 ชื่อของเถวคือหมายเลขที่แสดงที่หัวแถว 
 Column ( คอลัมน์ ) คือพื้นที่คอลัมน์แนวตั้งจากซ้ายไปขวา จากคอลัมน์ A ไปจนถึง
คอลัมน์ IV จะมัทั้งหมด 256 คอลัมน์ ชื่อของคอลัมน์คือชื่อตัวอักษรที่อยู่บนหัวคอลัมน์ เช่น A, B, C,... 
 Cell ( เซล )อยู่ตรงคอลัมน์ B แถวที่ 3 ก็จะเรียกว่าเซล B3 เซลที่กำลังเลือกหรือกำลังทำงาน เราเรียกเซลนั้นว่า
Active cell


 เริ่มใส่ข้อมูล เมื่อเข้าสู่ Excel โปรแกรมจะสร้างเวิร์กบุ๊คใหม่ให้โดยอัติโนมัติพร้อมตั้งชื่อว่า Book1 l


จัดรูปแบบให้เวิร์กชีตเราสามารถตกแต่งข้อมูลให้น่าสนใจ เช่น เน้นข้อความหัวเรื่องด้วยตัวหนาสีแดงเพื่อแยกข้อมูลให้ดูแตกต่างกัน


 การเก็บบันทึกเวิรก์บุ๊ค

 1.คลิกปุ่ม ( บันทึก ) หรือกด Ctrl+S จากแป้นพิมพ์
 2.เลือกไดรว์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บบันทึก
 3.ตั้งชือที่ช่อง File Name ตั้งชื่อได้ยาว 256 ตัวอักษร ยกเว้น\ / * < >!
 4.คลิกที่ปุ่มคำสั่ง บันทึก










การใช้แถบเครื่องมือ
เครื่องมือใน Excel 2003 ก็จะมีหน้าตาคล้ายๆกับ Officeตัวอื่นๆตามปกติจะแสดงเพียง2ชุดคือแถบเครื่องมือ 
Standard ( มาตรฐาน ) และ Formatting ( จัดรูปแบบ )



แถบเครื่องมือ Standard ( มาตรฐาน )มีปุ่มเครื่องมือที่ใช้บ่อยๆหรือเป็นการทำงานพื้นฐานของโปรแกรม  
เช่น ปุ่ม New , Open





 มีปุ่มเครื่องมือที่ใช้ในการจัดรูปแบบข้อมูลในเซล เช่น เลือกฟอนต์ขนาด หรือลักษณะ, จัดข้อมูลชิดขวา ซ้าย และการใส่สีข้อความหรือพื้น ฯลฯ


    การเปิดงานเก่ามาใช้งาน
 1. คลิกปุ่ม Open ( เปิด ) หรือกดคีย์ Ctrl+O
 2. คลิกที่ลูกศรซ้ายช่อง Look in ( มองหาใน ) แล้วเลือกไดรว์และดับเบิ้ลคลิกที่โฟลเดอร์ที่เก็บเวิร์กบุ๊กไว้
 3. คลิกที่ชื่อไฟล์เวิร์กบุ๊ค
 4. คลิกที่ปุ่ม ( เปิด )



การแก้ไขข้อมูลในเซล
1. คลิกตรงที่เซลที่จะแก้ไข แล้วพิมพ์ข้อมูลใหม่ลงไป
2. คลิกที่เซลที่จะแก้ไข แล้วกดปุ่ม F2 ที่คีย์บอร์ด จะเป็นการแก้ไขในโหมด Edit
3. ดับเบิ้ลคลิกตรงที่เซลที่จะแก้ไข แล้วเลื่อนเคอร์เซอร์ไปแก้ไขข้อมูลภายในเซลได้
4. คลิกตรงที่เซลที่จะแก้ไขแล้วดูที่แถบสูตรคำนวณ ( formula bar )  แล้วคลิกเมาส์ที่แถบสูตรเลย
เพื่อแก้ไขข้อมูล



ลากเมาส์คลุมข้อความที่ต้องการแก้ไข แล้วสามารถพิมพ์ข้อมูลใหม่ลงไปได้ 













หน่วยของคอมพิวเตอร์


หน่วยของคอมพิวเตอร์

การวัดขนาดข้อมูลหรือหน่วยวัดความจำ
8 BIT (บิต)         = 1 Byte (ไบต์)                  = 1 ตัวอักษร
1,024 B              = 1 KB (กิโลไบต์)             = 1,024 ตัวอักษร
1,024 KB           = 1 MB (เมกะไบต์)           = 1,048,576 ตัวอักษร
1,024 MB          = 1 GB (กิกะไบต์)             = 1,073,741,824 ตัวอักษร
1,024 GB          = 1 TB (เทระไบต์)             = 1,099,511,627 ตัวอักษร

กิโลไบต์ (Kilobyte) ใช้ตัวย่อว่า KB มีค่าเท่ากับ 1,024 ไบต์ (210 ไบต์) เช่น ถ้าพูดว่า คอมพิวเตอร์มีหน่วยความจำ
64 กิโลไบต์ หมายความว่า มีเนื้อที่ในหน่วยความจำ 65,536 ไบต์ สามารถเก็บตัวอักขระได้ 65,536 ตัวอักขระ

จิกะไบต์ (Gigabyte) หรือ จิกะไบต์ ใช้ตัวย่อว่า GB เป็นหน่วยวัดขนาดของข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เช่น       
ใช้เป็นหน่วยวัดความจุของหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์
จิกะไบต์ มีขนาดอ้างอิงหลัก ๆ ได้สองอย่างคือ
1 GB = 1,000,000,000 ไบต์ (หนึ่งพันล้านไบต์) ใช้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์แลในวิศวกรรมสื่อสาร
1 GB = 1,073,741,824 ไบต์ ซึ่งเท่ากับ 10243 หรือ 230 ไบต์ มีใช้ในระบบปฏิบัติการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 
และวิทยาการคอมพิวเตอร์


บิต (Bit) เป็นหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด ใช้ระบบคอมพิวเตอร์แบบดิจิทัล และทฤษฎีข้อมูล
ข้อมูลหนึ่งบิต มีสถานะที่เป็นไปได้ 2 สถานะ คือ
0 (ปิด)
1 (เปิด)

ในระบบโทรคมนาคม หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการส่งนิยมใช้หน่วยในรูปของ บิตต่อวินาที 
(bps - bits per second)
บิตเป็นหน่วยวัดข้อมูลเล็กที่สุดที่ใช้กันทั่วไปแต่ในขณะนี้มีการวิจัยกันในเรื่องการคำนวณทางควอนตัม 
(quantum computing) ซึ่งใช้หน่วยวัดข้อมูลเป็น คิวบิต (qubit) (quantum bit)
 หน่วยนับ
1 กิโลบิต(Kb)     = 1000 บิต หรือ 1024 บิต
1 เมกะบิต(Mb)   = 1000 กิโลบิต หรือ 1024 กิโลบิต
1 จิกะบิต(Gb)     = 1000 เมกะบิต หรือ 1024 เมกะบิต
1 เทราบิต(Tb)     = 1000 จิกะบิต หรือ 1024 จิกะบิต

ไบต์ (Byte) หมายถึง เนื้อที่ที่คอมพิวเตอร์จัดไว้สำหรับเก็บข้อมูล 1 ตัวอักษรตามรหัสแอสกี (เช่น A, B, C, , , , ง ฯลฯ) หรือจำนวนเต็ม 1 จำนวน (-128 ถึง 127 เมื่อคิดเครื่องหมาย หรือ 0 ถึง 255 เมื่อไม่คิดเครื่องหมาย)โดยปกติแล้ว 1 ไบต์จะประกอบด้วยข้อมูลเลขฐานสองจำนวน 8 บิต และใช้เป็นหน่วยวัดขนาดของหน่วยความจำหรือสื่อบันทึกข้อมูลว่า สามารถเก็บข้อมูลได้กี่ตัวอักษร
ในวิทยาการคอมพิวเตอร์ หน่วยวัดที่ใช้กันนั้น นิยมวัดเป็นกิโลไบต์ (Kilobyte) เมกะไบต์ (Megabyte)        
 จิกะไบต์ (Gigabyte) และเทระไบต์ (Terabyte) ซึ่งแต่ละหน่วยวัดมีค่าตัวคูณต่างกัน 1,024 หรือ 210หน่วยแต่มนุษย์จะประมาณค่าตัวคูณไว้ที่ 1,000 หน่วยเพื่อความสะดวกในการคำนวณ หน่วยวัดแต่ละหน่วยสามารถสรุปได้ดังนี้

 1 กิโลไบต์       = 1,024 ไบต์
1 เมกะไบต์       = 1,048,576 ไบต์ หรือ 1,024 กิโลไบต์
1 จิกะไบต์        = 1,073,741,824 ไบต์ หรือ 1,024 เมกะไบต์
1 เทระไบต์       = 1,099,511,627,776 ไบต์ หรือ 1,024 จิกะไบต์

นอกจากนี้ยังมี เพตะไบต์ (Petabyte) เอกซะไบต์ (Exabyte) เซตตะไบต์ (Zettabyte) และยอตตะไบต์ (Yottabyte) ซึ่งมีค่าตัวคูณ 1,024 หน่วยถัดจากเทระไบต์เป็นต้นไปแต่ยังไม่มีสื่อบันทึกข้อมูลใดสามารถเก็บข้อมูลได้มากขนาดนั้น
ในปัจจุบัน

เทระไบต์ (Terabyte) หรือ เทราไบต์ใช้ตัวย่อว่า TB เป็นหน่วยวัดขนาดของข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เช่น      
ใช้เป็นหน่วยวัดความจุของหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์
เทระไบต์ มีขนาดอ้างอิงคร่าวๆ คือ

1TB = 1,000,000,000,000 ไบต์ (หนึ่งล้านล้านไบต์) ใช้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์และในวิศวกรรมสื่อสาร หรือเทียบเท่าได้กับ 1,024 GB = 1 TB
ยอตตะไบต์ (Yottabyte) หรือ ยอตตาไบต์ ใช้ตัวย่อว่า YB เป็นหน่วยวัดขนาดของข้อมูลในคอมพิวเตอร์
 เช่นใช้เป็นหน่วยวัดความจุของหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์

เอกซะไบต์ มีขนาดอ้างอิงคร่าวๆ คือ
1 YB = 1,000,000,000,000,000,000,000,000 ไบต์ (หนึ่งล้านล้านล้านล้านไบต์)ใช้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ และในวิศวกรรมสื่อสารหรือเทียบเท่าได้กับ 1,024 ZB = 1 YB

เซตตะไบต์ (Zettabyte) หรือ เซตตาไบต์ ใช้ตัวย่อว่า ZB เป็นหน่วยวัดขนาดของข้อมูลในคอมพิวเตอร์ 
เช่นใช้เป็นหน่วยวัดความจุของหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์

เอกซะไบต์ มีขนาดอ้างอิงคร่าวๆ คือ
1 ZB = 1,000,000,000,000,000,000,000 ไบต์ (หนึ่งพันล้านล้านล้านไบต์) ใช้ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ 
และในวิศวกรรมสื่อสาร หรือเทียบเท่าได้กับ 1,024 EB = 1 ZB
เซตตะไบต์ (Zettabyte) หรือ เซตตาไบต์ ใช้ตัวย่อว่า ZB เป็นหน่วยวัดขนาดของข้อมูลในคอมพิวเตอร์ 
เช่นใช้เป็นหน่วยวัดความจุของหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์




เข้าถึงข้อมูลได้ที่  http://archive.wunjun.com/pairuamkron/9/367.html

องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์


องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์



เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำงานได้นั้นจะต้องประกอบไปด้วยส่วนประกอบ 3 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกันคือส่วนแรกนั้นจะเป็นอุปกรณ์ต่างๆ หรือที่เรียกว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เช่น จอภาพ ซีพียู คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น ส่วนที่สอง เรียกว่า ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึงโปรแกรมต่างๆที่ใช้สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่เราต้องการส่วนสุดท้ายเรียกว่า พีเพิลแวร์ (Peopleware) ซึ่งหมายถึง บุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เช่น พนักงานป้อนข้อมูล, นักเขียนโปรแกรม,นักวิเคราะห์ระบบทั้งสามส่วนนี้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของคอมพิวเตอร์ถ้าขาดส่วนหนึ่งส่วนใดไปแล้ว คอมพิวเตอร์ก็จะไม่สามารถใช้งานได้เลย


1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึงส่วนที่เป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยหน่วย      
ต่างๆ 4 หน่วยดังนี้
1.1. หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)
1.2. หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit)
1.3. หน่วยความจำ (Memory Unit)
1.4. หน่วยแสดงผลลัพธ์ (Output Unit)

  
สำหรับการทำงานของแต่ละหน่วยสามารถเขียนแผนภาพได้ดังนี้



หน่วยรับข้อมูล
ทำหน้าที่ในการรับข้อมูลหรือคำสั่งจากภายนอกเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำเพื่อเตรียมประมวลผลข้อมูลตามที่ต้องการซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการนำเข้าข้อมูลที่ใช้กันอยู่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนั้นมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน 
สำหรับอุปกรณ์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีดังต่อไปนี้

แป้นพิมพ์ (Keyboard)
เมาส์ (Mouse)
สแกนเนอร์ (Scanner)
แทร็คบอล (Trackball)
จอยสติ๊ก (Joystick)
จอภาพสัมผัส (Touch Screen)
กล้องดิจิตอล (Digital Camera)




หน่วยประมวลผลกลาง
ทำหน้าที่ในการประมวลผล แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ


หน่วยควบคุม (control unit) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงาน ควบคุมการเขียนอ่านข้อมูลระหว่างหน่วยความจำของซีพียู ควบคุมกลไกการทำงานทั้งหมดของระบบ ควบคุมจังหวะเวลาโดยมีสัญญาณนาฬิกาเป็นตัวกำหนดจังหวะการทำงาน
หน่วยคำนวณและตรรกะ (arithmetic and logic unit) เป็นหน่วยที่มีหน้าที่นำเอาข้อมูลที่เป็นตัวเลขฐานสองมาประมวลผลทางคณิตศาสตร์และตรรกะ เช่น การบวก การลบ การเปรียบเทียบ และ การสลับตัวเลขเป็นการคำนวณทำได้เร็วตามจังหวะการควบคุมของหน่วยควบคุม


หน่วยความจำ
ทำหน้าที่ในการเก็บข้อมูลหรือคำสั่งต่างๆที่รับจากภายนอกเข้ามาเก็บไว้เพื่อประมวลผลและยังเก็บผลที่ได้จากการประมวลผลไว้เพื่อแสดงผลอีกด้วย



          - จอภาพ (Monitor)
          - เครื่องพิมพ์ (Printer)
          - ลำโพง (Speaker)
          - พล็อตเตอร์ (Plotter)



2. ซอฟต์แวร์




ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึงส่วนที่ทำหน้าที่เป็นคำสั่งที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออาจเรียกว่า โปรแกรมก็ได้ ซึ่งหมายถึง คำสั่งหรือชุดของคำสั่ง ซึ่งสามารถใช้เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานเราต้องการให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรก็เขียนเป็นคำสั่งซึ่งจะต้องสั่งเป็นขั้นเป็นตอนและแต่ละขั้นตอนต้องทำอย่างละเอียดและครบถ้วนซึ่งจะเกิดเป็นงานชิ้นหนึ่งขึ้นมามีชื่อเรียกว่าโปรแกรมผู้ที่เขียนโปรแกรมดังกล่าวก็จะเรียกว่านักเขียนโปรแกรม (Programmer) สำหรับการเขียนโปรแกรมนั้นจะต้องใช้ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมโดยเฉพาะ 
ซึ่งหมายถึง ภาษาที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ เช่น ภาษาเบสิก ภาษาโคบอล ภาษาปาสคาล เป็นต้น โปรแกรมที่เขียนขึ้นมาก็จะนำไปใช้ในงานเฉพาะอย่าง เช่น โปรแกรมสต็อกสินค้าคงคลัง โปรแกรมคำนวณภาษี โปรแกรมคิดเงินเดือนพนักงาน เป็นต้น


ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
หมายถึงโปรแกรมที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ทุกอย่างและอำนวยความสะดวกให้กับ
ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์



ซอฟต์แวร์ประยุกต์(ApplicationSoftware)
การที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะการที่มีคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กทำให้มีการใช้งานคล่องตัวขึ้นจนในปัจจุบันสามารถนำคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ติดตัวไปใช้งานในที่ต่าง ๆได้สะดวก
การใช้งานคอมพิวเตอร์ต้องมีซอฟต์แวร์ประยุกต์ซึ่งอาจเป็นซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีผู้พัฒนาเพื่อใช้งานทั่วไปทำให้ทำงานได้สะดวกขึ้นหรืออาจเป็นซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะซึ่งผู้ใช้เป็นผู้พัฒนาขึ้นเองเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการทำงานของตน


3. พีเพิลแวร์ (Peopleware)



พีเพิลแวร์ (Peopleware) หมายถึงเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งมีหน้าที่และมีความรับผิดชอบแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความรู้การฝึกอบรมและประสบการณ์ในการทำงานสำหรับบุคลากรในหน่วยงานจะ
แบ่งออกได้ดังนี้

- ยูสเซอร์ (User)
- นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analyst)
- นักเขียนโปรแกรม (Programmer)
- วิศวกรคอมพิวเตอร์ (Computer Engineer)


เข้าถึงข้อมูลได้ที่   http://www.ratsada.ac.th/web/web2/page9.html